เรียนสนุก
จำได้ว่าสมัยก่อนการลงทะเบียนเป็นเรื่องโกลาหลสุดๆ
เพราะแต่ละตึกแต่ละคณะห่างไกลกันสุดกู่ตั้งแต่ฝั่งพหลโยธินโด่งไปถึงฝั่งวิภาวดีฯ
เวลาลงทะเบียนทีใช้เวลาหลายวัน
รับเอกสาร พบอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อรับตารางสอน
ไปเอาบัตรคอมพิวเตอร์เพื่อจองหมู่
ผมจะลงภาษาอังกฤษEN111 ผมก็ต้องไปเอาการ์ดคอมพิวเอตร์ที่เขาเจาะรูไว้ที่ภาควิชาภาษาอังกฤษเพื่อจองหมู่ตามตารางสอน
เนื่องจากนิสิตทุกคนต้องผ่านวิชานี้
เลยต้องรอแย่งใบคอมฯกันเพื่อให้ได้หมู่ที่ต้องการให้ได้
ถ้าไม่ได้หมู่ที่ต้องการก็ต้องมาจัดตารางสอนใหม่
ซึ่งบางวิชาเปิดปีละหนเท่านั้น
กว่าจะไปตระเวณแย่งหมู่กันได้ครบทุกวิชาก็หมดไปสามสี่วัน
เมื่อได้แล้วถึงกลับมาหาอาจารย์ที่ปรึกษาซึ่งหายากยิ่งกว่างมเข็ม
บางทีไปสองวันก็ยังไม่พบอาจารย์
ก็ต้องขออาจารย์ท่านอื่นเซ็นต์ชื่อแทน
และแล้วก็ต้องเสียเวลาอีกหนึ่งวันไปชำระค่าหน่วยกิต
ด้วยเหตุที่ต้องแย่งหมู่กันนี่เอง
ปีหนึ่งผมผ่านไปด้วย
37 หน่วยกิต ขาดไปหนึ่งหน่วยคือพลศึกษาที่แย่งหมู่มาไม่ได้
ผมไปยื่นขอเข้าสาขาเคมีเป็นวิชาเอก
ปรากฏว่าสาขาไม่รับเพระลงหน่วยไม่ครบ
ผมเลยไปหาหัวหน้าภาควิชา
ศ.ดร.กฤษณา ชุติมา ท่านบอกว่าให้ไปลงที่ขาดไปหนึ่งหน่วยกิตมาให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยยื่นเรื่องใหม่
วันนั้นผมหูอื้อ อารมณ์ไม่ดีเลย วิชาที่ผมขาดไปหนึ่งหน่วยกิตคือพลศึกษาซึ่งไม่เกี่ยวกับการเลือกอนาคตของตัวเองเลย
GPA เมื่อจบปีหนึ่งของผมคือ
3.24 เป็นลำดับต้นๆของคณะเลย
ผมลั่นวาจาไว้ว่าผมจะไม่ขอสมัครไปเรียนที่เคมีอีกเลย
เมื่อผ่านภาคเรียนแรกปีที่สอง
ผมสมัครเข้าสาขาชีววิทยาเพื่อจะเข้าสาขาวิชาเฉพาะจุลชีววิทยา
ตอนนั้นผมไม่ค่อยรู้สักเท่าไรว่าเขาเรียนอะไรกัน
จบแล้วจะไปทำอะไร ผมวาดอนาคตตัวเองไว้ว่าจบแล้วจะเรียนต่อปริญญาโทเลย
แล้วจะไปสมัครเป็นอาจารย์เหมือนพี่ของผม
ผมทราบแต่ว่าสาขานี้มีความต้องการทางตลาดสูงมาก
มหาวิทยาลัยให้ทุนเรียนปริญญาโทเพื่อออกไปเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยต่างๆปีละหลายสิบทุน
ทุนพัฒนาอาจารย์นี้ส่งไปมหาวิทยาลัยของรัฐทั่วประเทศ
ในที่สุดผมก็เข้าเป็นนิสิตในสาขาวิชาเอกจุลชีววิทยา
หลักสูตรการเรียนในสมัยนั้นเอื้ออำนวยกับการพัฒนาตนเองเป็นอย่างยิ่ง
แม้ว่าผมจะปฏิเสธเคมี
แต่ผมยังต้องเรียนเคมีเป็นพื้นฐาน
18 หน่วยกิต ฟิสิคซ์ 9 หน่วยกิต
แคลคูลัสและเรขาคณิตวิเคราะห์
9 หน่วยกิต สถิติ 6 หน่วยกิต
นอกเหนือไปจากวิชาเฉพาะทางชีววิทยา
อย่างสัตววิทยา พฤกษศาสตร์
พันธุศาสตร์ อีกหลายๆ
มีบางวิชาที่สาขาจุลชีววิทยาไปเกี่ยวข้องด้วย
เช่นการใช้จุลินทรีย์ไปควบคุมหนอนกระทู้
ทำให้ผมต้องไปลงวิชากีฏวิทยา
ที่คณะเกษตรฯ หรืออย่างวิชาโรคพืช
ซึ่งมีหลายสาเหตุจากไส้เดือนฝอย
จากสิ่งแวดล้อม จากสารเคมี
และจากจุลินทรีย์ ผมก็ต้องไปนั่งเรียนวิชาโรคพืช
กลายเป็นว่าผมต้องเรียนอะไรที่มันมากมายหลากหลายเกินกว่าที่คาดไว้
และฐานความรู้ในแนวกว้างเช่นนี้เป็นประโยชน์เมื่อผมศึกษาต่อและทำงาน
หลักสูตรของนักเรียนในปัจจุบันมุ่งเจาะเฉพาะทาง
มีการตัดรายวิชาออกไป
มีการสอนที่เฉพาะเจาะจงแล้วก็ตั้งชื่อวิชาว่าหัวข้อพิเศษ
special topics ซึ่งแล้วแต่ว่าอาจารย์จะเอาอะไรมาสอน
เช่นอาจารย์จะสอนเรื่องการใช้จุลินทรีย์มาควบคุมการเพิ่มจำนวนหนอนกระทู้
นิสิตปัจจุบันนี้ก็ได้เรียนแค่ไวรัสไปทำอะไรให้หนอนกระทู้ตาย
แต่สิ่งที่นิสิตขาดไปคือ
อะไรเป็นปัจจัยที่กำหนดให้หนอนกระทู้ระบาด
สิ่งแวดล้อมอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องที่ทำให้หนอนกระทู้ดื้อยา
ทนทานต่อไวรัส เป็นต้น
ความไม่กว้างของหลักสูตรในปัจจุบันทำให้ผู้เรียนไม่สามารถเชื่อมโยงและต่อยอดทางความคิดได้เลย
นับเป็นความล้มเหลวทางการศึกษาอย่างสิ้นเชิง
นิสิตที่เลือกเรียนสายชีวภาพในปัจจุบันไม่ต้องเรียนเคมี
ฟิสิคซ์ แคลคูลัสเป็นบ้าเป็นหลังอย่างรุ่นผม
แต่ผมกลับพบว่าผมใช้วิชาเหล่านั้นมาคิดต่อยอด
มาอธิบายงานวิจัยและงานที่ผมทำอยู่
และเมื่อผมถามลูกน้องรุ่นใหม่ๆที่จบมา
ถ้าไม่มีคำตอบที่มาจากตำราตรงๆแล้ว
เขากลับมีแต่คำตอบที่คิดว่าอย่างงั้น
คิดว่าอย่างนี้ ไม่มีคำอธิบายอะไรที่เป็นหลักการพื้นฐานเลย
สี่ปีที่ผมเรียนอยู่
ผมได้เก็บเกี่ยวอะไรไว้มากมาย
มีทั้งที่ดีและที่แย่ๆ
การเรียนของผมเริ่มแย่ลงในขณะที่เพื่อนๆเมื่อแยกสาขาแล้วจะดีขึ้น
ที่ผมแย่ลงเพราะผมไม่ค่อยเข้าชั้นเรียน
หากเป็นวิชาบรรยายและไม่มีการเช็คชื่อ
ผมจะต้องยืมสมุดจดของเพื่อนตลอด
ก็อยู่ในกลุ่มซี้ของผมเวียนกัน
ถ้าอยากได้ละเอียด จดได้ค่อนข้างดีก็ของวรพงศ์
ถ้าจดได้ทุกคำพูดแต่อ่านแทบไม่ออกก็ของนายตุ้ย
วิศิษฐพร ถ้าเอาแบบมีแต่เนื้อๆ
ลายมือเท่าหม้อแกงก็ชาลี
ถ้าเอาเป็นระเบียบ สวยงามอ่านง่ายก็มานิตย์
ส่วนของวุ๋ย พรชัยต้องรอหน่อย
เขาจะมีเล่มเล็กเชอร์หนึ่งเล่มแล้วก็เล่มที่ลอกใหม่หนึ่งเล่ม
ผมต้องรอเขาลอกใหม่ก่อนถึงจะยืมได้
ผมจะเข้าเรียนเฉพาะที่เป็นวิชาปฏิบัติการ
ต้องทำงานกลุ่มและเขียนรายงานส่ง
ถ้างั้นๆวันๆผมหายไปหนครับ
ผมก็ทำกิจกรรมของโบสถ์
มีวงดนตรีที่ผมเล่นคีย์บอร์ด
เป็นกรรมการของชมรมนิสิตคริสเตียน
จัดค่าย เตรียมงานประชุมนอกสถานที่
จัดคอนเสริต ขายบัตร
ผมทำงานวิชาการให้คณะด้วย
เราจะช่วยกันเอาข้อสอบมาเฉลย
เขียนลงกระดาษไขแล้วก็โรเนียวแจก
พอช่วงเกษตรแฟร์ผมกับเพื่อนๆก็ทำไวน์
เขี่ยเชื้อยีสต์ไว้ขายให้คนเอาไปหมักไวน์เอง
มีอยู่ปีหนึ่งเรารับลูกชิ้นมาทอดขาย
ปีนั้นขายไม่ค่อยดีมีลูกชิ้นเหลือเยอะ
พองานวันสุดท้ายเก็บของเสร็จ
วันรุ่งขึ้นเราก็ตั้งวงกินลูกชิ้นทอดกันแกล้มกับไวน์ที่ขายไม่หมด
ปรากฏว่าเมากันกว่าจะสร่างเมาแยกย้ายกันกลับบ้านได้ดึกโขอยู่
งานในห้องปฏิบัติการจุลชีววิทยาเป็นงานต่อเนื่อง
บางทีเราต้องอยู่เฝ้าถังหมักเชื้อติดต่อกันหลายวันหลายคืน
ก็ผลัดกันมานอนเฝ้าแล้วก็ถือโอกาสช่วยกันทำการบ้านบ้าง
ทำรายงานวิชาอื่นๆ บางคืนก็ออกไปจับแมลงเพื่อส่งในวิชากีฏวิทยา
อาจารย์กำหนดให้ส่งแมลงสต๊าฟ
50 วงศ์ จับมากี่ทีก็เป็นวงศ์เดียวกัน
บางคืนจะควบจักรยานกันออกไปตามถนนที่เพิ่งสร้างเสร็จ
แมลงจะมาเล่นไฟให้เราจับกัน
มีอยู่ครั้งนายตุ้ยกวาดเข้าไปในพงอ้อ
ได้งูมาตัวนึง เราทิ้งสวิงไว้ตรงนั้นเลยแล้วกลับมาเอาใหม่ในตอนเช้า
พวกเราจะกินนอนกันในห้องแล็บ
จะมีห้องพักนิสิตที่ข้างบนด้วย
มีไว้วางกระเป๋า ส่วนที่ห้องแล็บแต่ละห้องจะมีพี่ปริญญาโทคุมเป็นห้องๆไป
บางทีเวลามีงานอย่างรับน้องผมก็จะไปค้างที่มหาลัย
นอนที่แล็บบ้าง บางทีก็ไปนอนห้องวรพงศ์ที่ตึก
14 ถ้าเป็นห้องตึกพัก
หนึ่งห้องแบ่งนอน 3-4 เตียง
ห้องน้ำรวมอยู่ด้านนอก
ในฤดูกิจกรรมจะมีคนมานอนสิงกันห้องละหลายคน
โอกาสที่จะรู้จักเพื่อนต่างคณะก็เวลาที่เราจะมาสิงที่หอนี่แหละ
อีกโอกาสหนึ่งที่จะได้รู้จักเพื่อนก็คือเวลาเรียนร.ด.
คือรู้จักกันเลยตั้งแต่ปีหนึ่ง
แล้วก็มีโอกาสเจอกันก็ตอนเรียนวิชาพื้นฐานต่างๆที่บังคับเรียนด้วยกัน
ผมเคยไปสิงที่ตึก 14 ที่ตึก
5 เป็นห้องพี่กวาง พี่ที่ชมรมนิสิตคริสเตียน
แล้วก็ที่หอ 13 เป็นห้องของพี่ที่เป็นญาติห่างๆที่ซื้อจักรยานให้ผม หอจะเป็นอาคารไม้
อากาศดีครับ เป็นอาคารสองชั้นเย็นสบายกว่าที่ตึก
แต่ห้องน้ำเป็นห้องน้ำใหญ่อาบน้ำรวมกันหมด
เขาแก้ผ้าอาบกันรอบบ่อซีเมนต์ใหญ่ๆ
ผมขี้อายต้องแอบลงไปอาบดึกหน่อย
เด็กผู้ชายเวลาอยู่หอก็ต้องมีเรื่องเล่ากันเยอะแยะเรื่องจีบหญิง
อกหัก และเรื่องทะลึ่งๆ
จะมีหนังสร้างเสริมประสพการณ์ชีวิตมาให้ชมประปราย
วันไหนเวียนมาถึงหอไหนก็สังเกตได้ว่าหอนั้นเงียบเหงา
เพราะคนไปรวมกันอยู่ที่ห้องเดียว
สมัยนั้นยังเป็นฟิล์มขนาดแปดมิลล์
ก็เวียนไปเรื่อยๆจนกว่าจะครบทุกตึกทุกหอแหละคับ
ส่วนสถานที่พักผ่อนคลายเครียดที่รุ่นพี่พารุ่นน้องไปอยู่แถวแคราย
เดี๋ยวนี้กลายเป็นสี่แยกไปแล้วตั้งแต่มีการสร้างสะพานพระนั่งเกล้าฯ